ภาพประวัติศาสตร์ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศและพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9

ภาพประวัติศาสตร์ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศและพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9

ข้อควรรู้ก่อนเข้าชมพระเมรุมาศ วันที่ 2-30 พฤศจิกายน พ.ศ.2560

1. เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ 2-30 พ.ย. 60 ระหว่างเวลา 07.00 – 22.00 น.

2. กำหนดเวลาเข้าชม รอบละ 1 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 ช่วง ถ่ายภาพและชมภาพภูมิทัศน์ต่างๆ 15 นาที และชมพื้นที่ด้านในของพระเมรุมาศ และนิทรรศการอิสระ เป็นเวลา 45 นาที

3. เข้าชมได้รอบละ 5,000 คน รองรับประชาชนได้วันละ 100,000 คน

4. จุดคัดกรอง 5 จุด ได้แก่

- สำหรับประชาชน 1. บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดง (รด.) 2. ท่าช้าง 3. พระแม่ธรณีบีบมวยผม

- สำหรับพระภิกษุสามเณร เข้าทางด้านหน้า ม.ธรรมศาสตร์

- สำหรับผู้พิการ ด้านหลังกระทรวงกลาโหม

5. การแต่งกายเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศ ให้แต่งด้วยชุดสุภาพเช่นเดียวกับเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยงดเว้นเสื้อสายเดี่ยว เสื้อแขนกุด และกางเกงขาสั้น

ผู้ชาย

- สวมเสื้อมีแขน กางเกงขายาว สวมรองเท้าแบบสุภาพ

- ไม่สวมเสื้อผ้าเนื้อบาง เสื้อผ้ารัดรูป กางเกงยีนส์ฟอก ขาดวิ่นหรือรัดรูป และรองเท้าแตะ

ผู้หญิง

- สวมเสื้อมีแขน สวมกระโปรงยาวคลุมเข่า กางเกงขายาวทรงสุภาพ สวมรองเท้าสุภาพ

- ไม่สวมเสื้อผ้าเนื้อบาง เสื้อผ้ารัดรูป เสื้อผ้าเอวลอย และรองเท้าแตะ

6. การเดินทาง รถโดยสารและเรือโดยสาร บริการฟรี!

7. มีเนื้อหานิทรรศการบริเวณมณฑลพิธี ทั้งหมด 3 ส่วน 1. นิทรรศการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2. นิทรรศการเกี่ยวกับการจัดสร้างพระเมรุมาศ 3. นิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ

8. ภายในบริเวณพระเมรุมาศ จะมีการแสดงมหรสพและการแสดงต่างๆ ทุกวัน เวลา 18.00 – 22.00 น.

ภาพประวัติศาสตร์ ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2560

default column 1205x682 img

ริ้วขบวนที่ 1 เชิญพระโกศทองใหญ่โดยพระยานมาศสามลำคาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านทางประตูเทวาภิรมย์จากนั้นใช้เส้นทางถนนมหาราช เลี้ยวเข้าสู่ถนนท้ายวัง มุ่งไปยังถนนสนามไชย เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม รวมระยะทาง 817 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจัดกำลังพล 965 นาย

ริ้วขบวนที่ 2 เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาค จากหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ไปทางถนนสนามไชย ยาตราขบวนแห่เชิญพระโกศทองใหญ่จากถนนสนามไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินใน จากนั้น ขบวนพระบรมราชอิสริยยศแห่เชิญพระโกศทองใหญ่เข้าสู่ท้องสนามหลวงรวมระยะทาง 890 เมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจัดกำลังพล 2,406 นาย

ริ้วขบวนที่ 3 เชิญพระโกศทองใหญ่ลงจากพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาคประดิษฐานพระโกศทองใหญ่บนราชรถปืนใหญ่ ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศเข้าสู่ราชวัติเวียนพระเมรุมาศโดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย) 3 รอบ เวียนพระเมรุมาศครบ 3 รอบแล้วเทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศ เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธานรวมระยะทาง 260 เมตรต่อรอบ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จัดกำลังพล 781 นาย

default column 1205x682 img
default column 1205x682 img
default column 1205x682 img
default column 1205x682 img
default column 1205x682 img
default column 1205x682 img
default column 1205x682 img
default column 1205x682 img

4 เพลงพระราชนิพนธ์ ในขบวนพระบรมราชพระอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 1

พระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ ริ้วขบวนที่ 1

เชิญพระโกศทองใหญ่โดยพระยานมาศสามลำคาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านทางประตูเทวาภิรมย์จากนั้นใช้เส้นทางถนนมหาราช เลี้ยวเข้าสู่ถนนท้ายวัง มุ่งไปยังถนนสนามไชย เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม รวมระยะทาง 817 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจัดกำลังพล 965 นาย

ในขบวนพระบรมราชพระอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 1 ใช้เพลงพระราชนิพนธ์ 4 เพลง คือ มาร์ชธงไชยเฉลิมพล มาร์ชราชวัลลภ ใกล้รุ่ง ยามเย็น

เพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล

เพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 17 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2475 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่กองทัพไทย เพื่อใช้ในการเชิญธงไชยเฉลิมพลในพิธีการของกองทัพ

เพลงมาร์ชราชวัลลภ

เพลงมาร์ชราชวัลลภ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 7 ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. 2471 ชื่อ "ราชวัลลภ" และพระราชทานให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวนสนาม หลังจากนั้น ผบ.กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ได้มอบหมายให้พันตรี ศรีโพธิ์ ทศนุต แต่งคำร้องภาษาไทยถวาย มีห้องเพลงยาวกว่าเดิม จึงขอพระราชทานทำนองเพิ่มเติมเพื่อให้เข้ากับคำร้อง ในการแก้ไขทำนองให้เข้ากับคำร้องนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยกร) ช่วยตรวจทาน และได้พระราชทานนามเพลงพระราชนิพนธ์นี้ว่า "มาร์ชราชวัลลภ" (The Royal Guards March) เมื่อ พ.ศ. 2475

เพลงใกล้รุ่ง

เพลงใกล้รุ่ง เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 4 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2489 ขณะทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ประพันธ์คำร้องภาษาไทย ส่วนคำร้องภาษาอังกฤษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ประพันธ์ พระราชทานให้วงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลงครั้งแรก ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมโฆษณาการ (ปัจจุบันคือกรมประชาสัมพันธ์) เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2489

เพลงยามเย็น

เพลงยามเย็น เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์ ใน พ.ศ. 2489 ขณะยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย และท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา แต่งคำร้องภาษาอังกฤษ แล้วพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ที่มีคำร้องสมบูรณ์ทั้งสองภาษาให้ นายเอื้อ สุนทรสนาน นำไปให้ นายบิลลี่ หรือ นายคีติ คีตากร นักดนตรีชาวฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นนักดนตรีในวงดนตรีสุนทราภรณ์เรียบเรียงเสียงประสานจนสมบูรณ์จึงได้นำออกบรรเลงในงานของสมาคมปราบวัณโรค ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 นับเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่นำออกบรรเลงสู่ประชาชน เป็นเพลงที่ร่าเริงแจ่มใสเหมาะสำหรับการเต้นรำในสมัยนั้น จึงเป็นเพลงยอดนิยมของพสกนิกรไทยทันที

ในตลอดทั้งวันของวันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560 จนถึงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา จนถึงช่วงเริ่มงานพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

บรรยากาศรอบบริเวณใกล้สถานที่ใช้จัดงานพระราชพิธีฯ เต็มไปด้วยพสกนิกรชาวไทย ที่ได้หลั่งไหลมายังพื้นที่

default column 1205x682 img
default column 1205x682 img

โดยแทบทุกคนหวังใจว่าจะสามารถเข้าไปให้ไกล้มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สถานที่ที่ใช้จัดงานให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการส่งเสด็จครั้งสุดท้าย

default column 1205x682 img
default column 1205x682 img
default column 1205x682 img

ภาพที่น่าชื่นชมบนสองข้างทาง ที่อุดมเต็มไปด้วยน้ำใจ มรมิตรไมตรี ที่หลายคนคอยยื่นให้แก่กันและกัน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีให้เห็นตลอดทั้งวัน

นอกจากนี้ ทั้งจิตอาสา ทั้งส่วนภาครัฐและเอกชน ต่างก็เข้ามาดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งการแจกผ้าเย็น ยาดม น้ำดื่ม อาหาร ขนมนมเนย ให้ได้รับประทานระหว่างการเดินทาง และการเฝ้ารองานพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์

default column 1205x682 img
default column 1205x682 img

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Sanook