เมื่อหลงเข้าไปในดินแดน Mysteryland
สุดยอดดนตรีแห่งปาร์ตี้และความสนุกของยุคต้องยกให้ EDM ใช่! EDM หรือ“Electronic Dance Music” ยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่ใช่คนที่อินกับเพลงแนวนี้เลย เพราะเคยไปเฟสติวัล EDM งานหนึ่งแล้วรู้สึกเสียงเพลงมันบาดหูจัง! แสงสีก็เยอะแยะไปหมด ผู้คนก็เต้นกันไม่เป็นจังหวะนี่มันคือเพลงอะไร??? ตั้งแต่นั้นก็ปิดตัวเองจาก EDM โดยสิ้นเชิง
EDM โด่งดังมากในประเทศทางฝั่งยุโรปโดยเฉพาะแทบสแกนดิเนเวียร์ แต่ครั้งนี้ Heineken กับแคมเปญ “LIVE Access” ได้พาผู้โชคดี 3 ท่านพร้อมกับ 3 บุคคลที่เป็นตัวแทนด้านดนตรีอย่าง “ป๊อก Mindset” ตัวแทนด้านแฟชั่นอย่าง “ตีช่า” และกลุ่มคนผู้รักการปาร์ตี้อย่าง “Trasher” รวมทั้ง JOOX บุกไปเปิดสุดยอดประสบการณ์กับเทศกาลดนตรีอิเล็กโทรนิคที่เก่าแก่งานหนึ่งของโลกอย่าง “Mysteryland Music Festival” ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 24-28 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ป๊อก Mindset, ตีช่า และกลุ่ม Trasher รวมทั้งผู้โชคดีทั้ง 3 ท่าน
และยังได้พาเราไปบุกบ้านหลังแรกของ Heineken ที่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้คนมาเยี่ยมเยียนมากมายและเป็น Tourist Attractive ของเมืองอัมส์เตอร์ดามไปแล้ว
พิพิธภัณฑ์ไฮเนเก้น
การไปมิวสิคเฟสติวัล EDM ไม่เคยอยู่ในหัวเลย จนกระทั่งต้องไปดูมันจริงๆกับเทศกาลดนตรี Mysteryland Music Festival ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตอนนั้นคิดเพียงว่ามันเป็น Music Festival ไม่ได้คิดถึง EDM อยากแค่สัมผัสบรรยากาศเฟสติวัลต่างแดน
วิวแม่น้ำ Het IJ
สถานีรถไฟ Amsterdam Centraal
รวมทั้งเมืองอามส์เตอร์ดามที่ใครๆก็อยากมาสัมผัสความชิล สถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทุกตรอก ซอก ซอยที่มีเสน่ห์ของร้านคาเฟ่เล็กๆรอในคนเดินเข้ามาจิบกาแฟและนั่งชิล ผู้คนหน้าตายิ้มแย้มแถมแต่งตัวเก๋ๆ มีพาหนะคู่ใจเป็นจักรยานแทบทุกคน รวมทั้งอากาศที่สุดแสนจะเย็นสบายในช่วงซัมเมอร์ของที่นี่ เดินเล่นรอบเมืองได้ไม่รู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้า แต่กลับยิ่งรู้สึกประทับใจและเพลินตากับถนนหนทางและคลองที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปรอบเมืองแค่นั้นเองที่อยากมาสัมผัส
แต่เมื่อได้ก้าวเท้าลงจากรถบัสที่ทาง Heineken จัดรับส่งจากโรงแรมไปจนถึงที่ Mysteryland ก็ทำให้เรารู้สึก “หลง” เหมือนโดนสะกดจิต ทำไมมันยิ่งใหญ่ตื่นตาตื่นใจ ผู้คนมาจากไหนกันเยอะแยะเบอร์นี้ ซึ่งคาดคะเนแล้วไม่น่าต่ำกว่าหลักแสนคน เวทีแรกที่เจอคือ Spinning Record Stage ซึ่งก็ตามนั้น เป็นเวทีของค่าย Spinning
Spinning Stage
ถัดมาไม่ไกลเป็นเวทีใหญ่อีกหนึ่งเวทีคือ Q Dance Stage เวทีนี้จะมีแต่ศิลปินชาวดัชท์ขึ้นแสดง เราชอบเวทีนี้ที่สุดเพราะรอบๆเวที เขาทำเป็นเนินสโลปให้เราปีนขึ้นไปและสามารถชมคอนเสิร์ตจากมุมสูงได้ และมีธงเฟสติวัลอันใหญ่ปักประดับเป็นระยะสะบัดพลิ้วไปตามลม สวยงามอย่างกับหลุดเข้าไปอยู่งานแข่งควิชดิชในเรื่องแฮร์รี่ พอร์เตอร์
Q Dance Stage
มาถึงเวทีหลักที่เขาเรียกว่า “Main Stage” เป็นเวทีที่จัดเอาศิลปินดังๆหรือพวก Headliner มาเล่นไว้แบบแน่นสุดทั้ง Armin Van Buuren, Axwell /\ Ingrosso, KSHMR, Hannah Wants, Craig David, Alok, Yellow Claw และ Deadmau5 ซึ่งวันแรกเราไปทันโชว์ของ Craig David ที่เทิร์นตัวเองเข้าสู่โลก EDM ไปเรียบร้อย เพลงที่เขาหยิบมาเล่นส่วนใหญ่คือเพลงฮิตที่นำมาเรียบเรียงใหม่ในแบบ EDM เช่น Love Yourself และเพลงฮิตสุดของเขาอย่าง 7 Days ตามมาด้วย Alok และ Yellow Clew คือวงปิดของวัน เนื่องจาก Alesso ป่วยกะทันหันแต่เอาเข้าจริง Yellow Claw คือความดีงามของ EDM มีบีทหนักเบาให้เราเต้น มีการกระแทกจังหวะเล่นกับคนดู บอกเลยว่าประทับใจจนต้องตามไปค้นเอาเพลงเก่าๆมาฟังใหม่วนไป ปิดโชว์วันแรกไปแบบอารมณ์ค้างๆ เพราะฟ้ามืดช้ามาก มืดสนิทก็สามทุ่ม! กำลังจะมันส์ๆงานจบซะแล้ว ไม่เป็นไรมาต่อในวันอาทิตย์ เราตั้งใจมากกับ Axwell /\ Ingrosso และ Armin Van Buuren ก็ไม่เสียแรงรักนะ เล่นเอาเต้นกันจนขาเปลี้ยทีเดียว กลับมางานนี้คือต้องนวดด่วนๆ
โดยงานทั้ง 2 วัน JOOX ได้มีโอกาส Live ให้ได้ชมกันแบบเป็นน้ำจิ้ม สีสันในงานเฟสติวัลรวมถึงพูดคุยเบาๆกับตัวแทนคนรุ่นใหม่ทั้ง ป๊อก Mindset, ตีช่า และกลุ่ม Trasher
Main Stage
ร้านอาหารต่างๆในงาน
นอกจากคอนเสิร์ตที่มีให้เราดูได้แบบ non-stop แล้วยังมีร้านขายอาหารทุกสัญชาติแม้กระทั่ง “แกงเขียวหวาน” ก็มานะจ๊ะ! มีเครื่องเล่นผาดโผนเบาๆ มีมุมชิลสำหรับคู่รักหรือจะพากันไปถีบเรือเป็ดก็ยังได้
บรรยากาศในบริเวณงาน
เพลง EDM ปัจจุบันถูกผสมไปกับเพลงป๊อป ร็อค และฮิปฮอป เข้าไปอยู่ในทุกประเภทของเพลงไม่ว่าเราจะฟังเพลงแนวไหนต้องมีอีแนวเพลงนี้พ่วงมาด้วยตลอดๆ จน กลายเป็นว่าเพลงแนวนี้มันก็มีเสน่ห์! สนุกไปกับทุกเพลงที่มี EDM ใช้มันในการประกอบกิจกรรมแต่ละวันตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอนและยิ่งได้มาเปิดประสบการณ์ดนตรีที่ Mysteryland Music Festival ภายใต้แคมเปญ LIVE Access ก็เหมือนกับการเปิดโลกของ EDM ที่เราไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน มันเหมือนดินแดนของอีกโลกที่คนคุยกันด้วยเสียงเพลง สนุกร่วมกันแบบอิสระ วัฒนธรรมของคนที่ฟังเพลงแนวนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับเพลงแนวอื่นทุกคนได้ปลดปล่อย ได้เต้น ได้ร้อง ได้ดื่ม และเจอเพื่อนใหม่ๆ ไม่มีแบ่งแยกฝรั่งหรือเอเชียน เพราะทุกคนคือคนที่รักในเสียงเพลงที่อยากจะแชร์ประสบการณ์สุดยอดนี้ร่วมกัน