Jauz ดีเจฉลามขย้ำคนบนแดนซ์ฟลอร์
ผู้อ่านบางท่านที่เข้ามาอ่านคงน่าจะคิดว่า นี่มันเป็นคอลัมน์แนะนำดีเจหรือว่าพามาดูสารคดีฉลามกินคนกันแน่ ฮ่าๆๆ ชื่อคอลัมน์วันนี้อาจจะดูโหดร้ายไปนิดนึง แต่รับรองว่าไม่มีเนื้อหารุนแรงแน่นอนเด้อ
ดีเจที่เราจะแนะนำให้รู้จักวันนี้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงดั่งฉลามมาก เริ่มอาชีพดีเจได้ไม่นานแต่งานเล่นอย่างเยอะ และผ่านเวทีใหญ่ๆ มามากมายนับไม่ถ้วน รวมถึงการทำเพลงกับรุ่นพี่ในวงการหลายๆ คน ทุกคนครับ นี่คือ Jauz
ในครั้งแรกที่เราเห็นชื่อเขาเราแทบจะหงายเงิบ เพราะอ่านไม่ออก เลยเดาๆ มั่วๆ ไปว่า “จาอุส” มาทราบในภายหลังจากเพื่อนร่วมแก๊งค์ว่าอ่านอย่างถูกต้องมันคือ “จอว์ส” แบบเดียวกับหนังฉลามชื่อดังของผู้กำกับ Steven Spielberg เล่นเอาเราเขินหน้าแดงไปหลายวันเพราะอ่านชื่อพี่แกผิดนี่แหละ ก็มันอ่านยากง่ะ
นาย Sam Vogel หรือชื่อในวงการดีเจว่า Jauz ดีเจสาย Bass House/Trap/Dubstep และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน เกิดและเติบโตที่ทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัวเขาหลงเสน่ห์ของเสียงดนตรีตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเริ่มจากการเล่นกีต้าร์และลองหัดทำเพลงโดยลองใช้ซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ตอนอายุ 15 ปี ด้วยความที่รักดนตรีและอยากทำเพลงเขาจึงตัดสินใจลาออกจากการเรียนทำภาพยนตร์และทำตามความฝันของตัวเองโดยการมาลงเรียนโรงเรียนดนตรี Icon Collective จนวันดีคืนดีมีคนพานาย Vogel ไปรู้จักกับ Moe Shalizi ผู้จัดการส่วนตัวของ Marshmello (ในปัจจุบันก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาด้วย) ชักจูงเขาเข้าวงการดีเจ โดยได้ไปออกเพลงในค่าย Buygore ค่ายที่บริหารจัดการโดยดีเจรุ่นพี่อย่าง Boregore
Vogel เลือกที่จะทำเพลงแนว Dubstep เพราะมีเพื่อนมาเปิดเพลงแนวนี้ให้ฟัง เขาคิดว่ามันมีทำนองและให้อารมณ์คล้ายๆกับเพลงแนวเมทัล มันเลยเป็นการจุดประกายให้เขาเริ่มทำมันในทันที โดยเพลงของเขาจะมีเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นตรงที่ในเพลงเขาท่อนดร็อปจะมีเบสที่ค่อนข้างหนักหน่วงมาก เหมาะสำหรับ Headbanger หรือนักโยกหัวทั้งหลายนั้นเอง
รู้หรือไม่ ?
ก่อนที่จะเข้ามาในวงการดีเจ ในอดีตเขาเคยใช้ชื่อนามแฝงว่า Escape Dubstep มาก่อน แต่หลังจากที่เข้าวงการเรียบร้อยก็เปลี่ยนมาใช้ Juaz อย่างเต็มตัว โดยให้เหตุผลว่ามันสั้นและง่ายต่อการจำ โดยทุกคนเข้าใจกันหมดว่าความหมายของชื่อเขาจริงๆ มันคือ ฉลาม แต่นาย Vogel ได้บอกว่าจริงๆที่ทุกคนเข้าใจมันก็ไม่ผิดหรอก แต่ความหมายของ Jauz จริงๆแล้วมันเป็นคำสแลงในภาษาอังกฤษที่เขาใช้ไว้คุยกับเพื่อนตอนมัธยม ความหมายของมันก็คือ “Bullshit”
ทำไมถึงต้องขย้ำคนบนฟลอร์ ?
ก็เพราะว่าสไตล์การเปิดเพลงของเขานี่โหดมากดั่งตัวเขาเป็นฉลามที่คอยไล่ผู้คนบนฟลอร์ให้ดีดดิ้นกับบทเพลงที่เขาบรรเลงตลอดเซ็ต ต้องบอกตรงนี้เลยว่าเขาใช้ท่อนเพลงที่ค่อนข้างจะเปลืองพอสมควร หลังท่อนดร็อปจะเปลี่ยนเพลงแทบจะทุกครั้งไม่ซ้ำเลย ลิสต์รายการเพลงออกมาทีน่าจะประมาณ 60-70 เพลงเลยแหละ แต่มันบิ้วอารมณ์คนเต้นให้อยู่หมัดไม่ให้รู้สึกเบื่อเลย เราพิสูจน์มาแล้วสองครั้งที่งาน Road to Ultra Thailand 2016 และงาน Spacejam เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เล่นเอาเราปวดขาและปวดคอเอาการเลยทีเดียว ลองพิสูจน์ความเดือดจากเพลงของเขาได้เลยครับ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก FB/ JAUZ
