Daya ดาวน์โหลดและฟังเพลงฮิตจาก Daya

Daya

27.3k ผู้ติดตาม

ดายา นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลแกรมมี่ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในวงการเพลงด้วยพรสวรรค์ทางดนตรีอันโดดเด่นและเพลงป๊อปฮิตติดหู ดนตรีของเธอที่ผสมผสานองค์ประกอบอิเล็กทรอนิกส์อันเข้มข้น มอบประสบการณ์การฟังที่สดชื่นให้กับผู้ฟัง เมื่อเวลาผ่านไป เธอค่อย ๆ ฝึกฝนภาพลักษณ์และสไตล์ดนตรีของตัวเอง จนพัฒนาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ดายา ก้าวเข้าสู่วงการเพลงด้วยวัยเพียง 16 ปี ขณะที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 2 ดนตรีของเธอได้ขึ้นชาร์ตเพลงเป็นครั้งแรก ดนตรีของเธอผสมผสานความลุ่มลึกของ Lorde เข้ากับความสดใสของ Alessia Cara เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความเยาว์วัย พลังนี้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบในอัลบั้มเปิดตัวสุดล้ำในปี 2559 ของเธอที่ชื่อว่า Sit Still Look Pretty อัลบั้มนี้ได้สร้างซิงเกิล "Hide Away" ยอดขายระดับมัลติแพลตตินัม และทำให้ความสามารถทางดนตรีของเธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เรื่องราวเบื้องหลังเพลง "Hide Away" นั้นน่าทึ่งมาก ในปี 2557 ดายาได้เซ็นสัญญากับค่าย Z-Entertainment Records จากเทปเดโมของเธอ เพียงหนึ่งปีต่อมา ซิงเกิลที่ได้รับความนิยมบนอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ก็กลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและได้รับการรับรองระดับมัลติแพลตตินัม นับเป็นก้าวสำคัญในอาชีพของเธอ และเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับอาชีพนักดนตรีในอนาคต ในปี 2558 ดายาได้ปล่อยอีพีเดบิวต์ชื่อเดียวกับวงกับค่าย Artebeatz ซิงเกิล "Hide Away" และซิงเกิลระดับดับเบิ้ลแพลตตินัมที่ตามมาอย่าง "Sit Still, Stay Beautiful" ต่างก็ติดชาร์ต Top 50 ของ Billboard Hot 100 และเปิดตัวที่อันดับ 14 บนชาร์ต Heatseekers ความสำเร็จเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และศักยภาพทางดนตรีของเธออย่างไม่ต้องสงสัย ในปี 2559 ดายาได้ร่วมงานกับ The Chainsmokers ในเพลง "Don't Let Me Down" ซึ่งผลักดันอาชีพของเธอให้ก้าวสู่จุดสูงสุด เพลงนี้ไม่เพียงแต่ได้รับรางวัลแกรมมี่สาขา Best Dance Recording เท่านั้น แต่ยังผลักดันสไตล์ดนตรีของเธอให้ก้าวไปสู่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในอีพี The Difference ปี 2564 ของเธอ ซึ่งประกอบด้วยซิงเกิลฮิต "Bad Girl" ซึ่งประกอบกับเพลงบรรณาการแด่ Charlie Puth ทำให้เธอกลายเป็นกำลังสำคัญคนใหม่ในวงการเพลงอิเล็กโทร-ป๊อป ในช่วงต้นทศวรรษ 2563 ผลงานเพลงของ Daya เติบโตขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้น เธอปล่อยเพลงที่ผสมผสานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เช่น "What If I Told You" (2564), "Love You When You're Gone" (2565) และ "Juliene" (2566) เพลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและการสำรวจทางดนตรีอย่างต่อเนื่องของเธอเท่านั้น แต่ยังทำให้เธอกลายเป็นศิลปินอิสระเต็มตัวอีกด้วย ในปี 2560 ดายาได้ปรากฏตัวในเพลง "Feel Good" ของ Gryffin และ Illenium ตามด้วยการปล่อยซิงเกิลของเธอเอง "Safe" และ "New" ซึ่งซิงเกิลหลังประสบความสำเร็จพอสมควรในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย นับเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาหลายปีของการปล่อยซิงเกิลอิสระ การร่วมงานกัน และอีพี ในช่วงเปลี่ยนทศวรรษ ดายาได้ปล่อยเพลงใหม่ออกมามากกว่าสิบเพลง รวมถึงเพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ "Insomnia" ในปี 2562 เพลงที่ร่วมงานกับ NOTD, "Wanted" และ "Keeping It in the Dark" จากอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ 13 Reasons Why ซึ่งล้วนแต่ติดชาร์ตเพลงระดับนานาชาติและบนบริการสตรีมมิ่ง เพลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความแข็งแกร่งทางดนตรีของเธอเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำสถานะของเธอในวงการเพลงอีกด้วย ในปี 2564 นอกจากการปล่อยอีพีที่สอง "Differences" แล้ว ดายายังได้ปล่อยซิงเกิลที่ไม่ใช่อัลบั้ม "If I Tell You" และ "Evil" จากอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ Blade Runner: Black Lotus อีกด้วย เพลงเหล่านี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามและคำวิจารณ์เชิงบวกจากแฟน ๆ ในเดือนมิถุนายน 2565 ดายาได้ปล่อยซิงเกิล "Love You When You're Gone" ที่ได้แรงบันดาลใจจากการเต้นอันเย้ายวนใจ ซึ่งเป็นเพลงแรกจากอีพีที่สามของเธอ "In Between Dreams" เพลงนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการสำรวจและนวัตกรรมทางดนตรีอย่างต่อเนื่องของเธอเท่านั้น แต่ยังขยายอิทธิพลของเธอในวงการเพลงอีกด้วย ในปี 2566 ดายาได้กลายเป็นศิลปินอิสระเต็มตัว สามารถควบคุมสไตล์และภาพลักษณ์ทางดนตรีของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในปีเดียวกันนั้น เธอเริ่มปล่อยซิงเกิลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยปล่อยเพลงใหม่ทุก ๆ สองสามสัปดาห์ เริ่มต้นด้วยเพลง "Julian" สไตล์ไซเคเดลิกฮิปฮอปในเดือนมิถุนายน ดายายังคงถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ของเธอผ่านดนตรี ทำให้แฟน ๆ ต่างตั้งตารอเส้นทางดนตรีในอนาคตของเธอ

อ่านต่อ
default playlist img
Dreamin (Eli Brown Remix)ฟังเพลงจากอัลบัม Dreamin (Eli Brown Remix) เพลงใหม่จาก อัพเดทเพลงใหม่ล่าสุดก่อนใคร ตลอดปี 202111 เม.ย. 2025
default playlist img
Dreamin (Anyma Remix)ฟังเพลงจากอัลบัม Dreamin (Anyma Remix) เพลงใหม่จาก อัพเดทเพลงใหม่ล่าสุดก่อนใคร ตลอดปี 202119 มี.ค. 2025
default playlist img
Dreaminฟังเพลงจากอัลบัม Dreamin เพลงใหม่จาก อัพเดทเพลงใหม่ล่าสุดก่อนใคร ตลอดปี 20217 ก.พ. 2025
default playlist img
Напополамฟังเพลงจากอัลบัม Напополам เพลงใหม่จาก อัพเดทเพลงใหม่ล่าสุดก่อนใคร ตลอดปี 202124 ม.ค. 2025
default playlist img
Ganar o Perderฟังเพลงจากอัลบัม Ganar o Perder เพลงใหม่จาก อัพเดทเพลงใหม่ล่าสุดก่อนใคร ตลอดปี 202124 ธ.ค. 2024
default playlist img
Don't Callฟังเพลงจากอัลบัม Don't Call เพลงใหม่จาก อัพเดทเพลงใหม่ล่าสุดก่อนใคร ตลอดปี 202128 มิ.ย. 2024

เกี่ยวกับ Daya :

ดายา นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลแกรมมี่ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในวงการเพลงด้วยพรสวรรค์ทางดนตรีอันโดดเด่นและเพลงป๊อปฮิตติดหู ดนตรีของเธอที่ผสมผสานองค์ประกอบอิเล็กทรอนิกส์อันเข้มข้น มอบประสบการณ์การฟังที่สดชื่นให้กับผู้ฟัง เมื่อเวลาผ่านไป เธอค่อย ๆ ฝึกฝนภาพลักษณ์และสไตล์ดนตรีของตัวเอง จนพัฒนาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ดายา ก้าวเข้าสู่วงการเพลงด้วยวัยเพียง 16 ปี ขณะที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 2 ดนตรีของเธอได้ขึ้นชาร์ตเพลงเป็นครั้งแรก ดนตรีของเธอผสมผสานความลุ่มลึกของ Lorde เข้ากับความสดใสของ Alessia Cara เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความเยาว์วัย พลังนี้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบในอัลบั้มเปิดตัวสุดล้ำในปี 2559 ของเธอที่ชื่อว่า Sit Still Look Pretty อัลบั้มนี้ได้สร้างซิงเกิล "Hide Away" ยอดขายระดับมัลติแพลตตินัม และทำให้ความสามารถทางดนตรีของเธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เรื่องราวเบื้องหลังเพลง "Hide Away" นั้นน่าทึ่งมาก ในปี 2557 ดายาได้เซ็นสัญญากับค่าย Z-Entertainment Records จากเทปเดโมของเธอ เพียงหนึ่งปีต่อมา ซิงเกิลที่ได้รับความนิยมบนอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ก็กลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและได้รับการรับรองระดับมัลติแพลตตินัม นับเป็นก้าวสำคัญในอาชีพของเธอ และเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับอาชีพนักดนตรีในอนาคต ในปี 2558 ดายาได้ปล่อยอีพีเดบิวต์ชื่อเดียวกับวงกับค่าย Artebeatz ซิงเกิล "Hide Away" และซิงเกิลระดับดับเบิ้ลแพลตตินัมที่ตามมาอย่าง "Sit Still, Stay Beautiful" ต่างก็ติดชาร์ต Top 50 ของ Billboard Hot 100 และเปิดตัวที่อันดับ 14 บนชาร์ต Heatseekers ความสำเร็จเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และศักยภาพทางดนตรีของเธออย่างไม่ต้องสงสัย ในปี 2559 ดายาได้ร่วมงานกับ The Chainsmokers ในเพลง "Don't Let Me Down" ซึ่งผลักดันอาชีพของเธอให้ก้าวสู่จุดสูงสุด เพลงนี้ไม่เพียงแต่ได้รับรางวัลแกรมมี่สาขา Best Dance Recording เท่านั้น แต่ยังผลักดันสไตล์ดนตรีของเธอให้ก้าวไปสู่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในอีพี The Difference ปี 2564 ของเธอ ซึ่งประกอบด้วยซิงเกิลฮิต "Bad Girl" ซึ่งประกอบกับเพลงบรรณาการแด่ Charlie Puth ทำให้เธอกลายเป็นกำลังสำคัญคนใหม่ในวงการเพลงอิเล็กโทร-ป๊อป ในช่วงต้นทศวรรษ 2563 ผลงานเพลงของ Daya เติบโตขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้น เธอปล่อยเพลงที่ผสมผสานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เช่น "What If I Told You" (2564), "Love You When You're Gone" (2565) และ "Juliene" (2566) เพลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและการสำรวจทางดนตรีอย่างต่อเนื่องของเธอเท่านั้น แต่ยังทำให้เธอกลายเป็นศิลปินอิสระเต็มตัวอีกด้วย ในปี 2560 ดายาได้ปรากฏตัวในเพลง "Feel Good" ของ Gryffin และ Illenium ตามด้วยการปล่อยซิงเกิลของเธอเอง "Safe" และ "New" ซึ่งซิงเกิลหลังประสบความสำเร็จพอสมควรในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย นับเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาหลายปีของการปล่อยซิงเกิลอิสระ การร่วมงานกัน และอีพี ในช่วงเปลี่ยนทศวรรษ ดายาได้ปล่อยเพลงใหม่ออกมามากกว่าสิบเพลง รวมถึงเพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ "Insomnia" ในปี 2562 เพลงที่ร่วมงานกับ NOTD, "Wanted" และ "Keeping It in the Dark" จากอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ 13 Reasons Why ซึ่งล้วนแต่ติดชาร์ตเพลงระดับนานาชาติและบนบริการสตรีมมิ่ง เพลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความแข็งแกร่งทางดนตรีของเธอเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำสถานะของเธอในวงการเพลงอีกด้วย ในปี 2564 นอกจากการปล่อยอีพีที่สอง "Differences" แล้ว ดายายังได้ปล่อยซิงเกิลที่ไม่ใช่อัลบั้ม "If I Tell You" และ "Evil" จากอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ Blade Runner: Black Lotus อีกด้วย เพลงเหล่านี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามและคำวิจารณ์เชิงบวกจากแฟน ๆ ในเดือนมิถุนายน 2565 ดายาได้ปล่อยซิงเกิล "Love You When You're Gone" ที่ได้แรงบันดาลใจจากการเต้นอันเย้ายวนใจ ซึ่งเป็นเพลงแรกจากอีพีที่สามของเธอ "In Between Dreams" เพลงนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการสำรวจและนวัตกรรมทางดนตรีอย่างต่อเนื่องของเธอเท่านั้น แต่ยังขยายอิทธิพลของเธอในวงการเพลงอีกด้วย ในปี 2566 ดายาได้กลายเป็นศิลปินอิสระเต็มตัว สามารถควบคุมสไตล์และภาพลักษณ์ทางดนตรีของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในปีเดียวกันนั้น เธอเริ่มปล่อยซิงเกิลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยปล่อยเพลงใหม่ทุก ๆ สองสามสัปดาห์ เริ่มต้นด้วยเพลง "Julian" สไตล์ไซเคเดลิกฮิปฮอปในเดือนมิถุนายน ดายายังคงถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ของเธอผ่านดนตรี ทำให้แฟน ๆ ต่างตั้งตารอเส้นทางดนตรีในอนาคตของเธอ

เพลิดเพลินกับเสียงเพลงจาก Daya บน JOOX ได้ทุกเวลา! เมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงศิลปินที่มีเพลงและอัลบั้มที่น่าทึ่ง เราไม่ควรพลาดชื่อเดียวคือ Daya Daya เป็นหนึ่งในศิลปินยอดนิยมที่มีผู้ติดตาม 27,335 คน หากคุณกำลังมองหาเพลงของ Daya เรามีทั้งหมดให้คุณแล้ว ที่ JOOX เราขอนำเสนอการรวบรวมมิวสิควิดีโอจาก Daya และเพลงพร้อมเนื้อเพลงที่คุณจะต้องชอบใจอย่างแน่นอน!

เพลงฮิตจากศิลปินที่คุณอาจชื่นชอบ