Charlie Puth

ชาร์ลี พูท (Charlie Puth) เกิดที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นอัจฉริยะด้านดนตรีบัณฑิตจบจากวิทยาลัยดนตรีเบิร์กลีย์อันทรงเกียรติ ด้วยทักษะการแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมและน้ำเสียงใสไพเราะอันเป็นเอกลักษณ์ เขาได้สร้างรอยประทับอันโดดเด่นในวงการเพลงป๊อปร่วมสมัย ตั้งแต่อายุเยาว์ เขาก็แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์พิเศษในการควบคุมจังหวะดนตรีได้อย่างแม่นยำ ยุคอินเตอร์เน็ตนำมาซึ่งเวทีให้ดาวดวงใหม่นี้ได้เปล่งประกาย ในปี 2554 ชาร์ลี พูทโด่งดังจากการคัฟเวอร์เพลงฮิตของอะเดล “Someone Like You” บนยูทูบ ซึ่งกลายเป็นไวรัลและนำไปสู่การได้รับเชิญไปออกรายการของราชินีทอล์กโชว์เอลเลน ดีเจนเนอเรส พร้อมกับการสะสมยอดผู้ติดตามกว่า 400,000 คน และยอดวิวกว่า 2 ล้านครั้งจากการคัฟเวอร์เพลงดังอย่าง “I’m Yours” และ “Chandelier” ทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับบล็อกบัสเตอร์ในวงการคัฟเวอร์ ผลงานในช่วงเริ่มต้นเหล่านี้ได้สร้างรากฐานสำคัญสำหรับการแจ้งเกิดในอนาคตของเขา ในปี 2558 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเส้นทางดนตรีของ ชาร์ลี พูท หลังจากสร้างความประทับใจแรกด้วยซิงเกิลสไตล์ย้อนยุค “Marvin Gaye” ที่ร่วมร้องกับ Meghan Trainor เขาก็สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในวงการด้วยเพลงไว้อาลัย “See You Again” ประกอบภาพยนตร์ Furious 7 ซึ่งขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 นาน 12 สัปดาห์ ในปีถัดมา เขาได้ร่วมงานกับ Selena Gomez ในเพลง “We Don’t Talk Anymore” ซึ่งตอกย้ำความสามารถในการแต่งเพลงบัลลาดสุดกินใจ และมียอดรับชมบนยูทูบ ทะลุกว่า 3 พันล้านครั้ง ปี 2561 อัลบั้มเดี่ยวชุดที่สอง Voicenotes แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านดนตรีในทุกมิติ อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตอย่าง “Attention” และ “How Long” เปิดตัวที่อันดับ 4 บนชาร์ต Billboard 200 พร้อมยอดขายกว่า 58,000 หน่วยสัปดาห์แรก และทะยานขึ้นอันดับ 1 บน iTunes ในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ในฐานะนักแต่งเพลงมากฝีมือ พูทยังคงผลักดันขอบเขตทางดนตรีอย่างต่อเนื่องด้วยการผสมผสานป๊อปร่วมสมัยเข้ากับกลิ่นอายโซลยุคเก่าได้อย่างลงตัว ในปี 2567 เขาได้ร่วมงานกับวง Stray Kids ในซิงเกิล “Lose My Breath” และในปี 2568 เขาได้เข้าร่วมรายการ Singer 2025（歌手2025） ในฐานะนักร้องท้าชิงระดับนานาชาติ（Foreign Guest Challenger） แสดงให้เห็นถึงพลังทางศิลปะอันไม่สิ้นสุด ผ่านการทำงานข้ามวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์