Tiësto ป๋าใหญ่แห่งวงการเพลง EDM
หากพูดถึงผู้คร่ำหวอดในวงการเพลง EDM จนกล้าเรียกเขาว่าเป็นป๋าใหญ่ได้อย่างเต็มปาก และเป็นหนึ่งในศิลปินที่เราเริ่มฟังเพลงแนวนี้ในช่วงที่บุกเบิก เราคิดถึงชายผู้นั้นที่มีนามว่า Tiesto นอกจากนั้นเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนเดินทางเข้าสู่อาชีพดีเจอย่างเต็มตัวจนตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกไปเป็นที่เรียบร้อย ในหลายคอลัมน์แนะนำดีเจเราอ้างถึงเขามาเยอะแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน ไปรู้จักกับป๋า Tiesto กันดีกว่า!

Tijs Michiel Verwest หรือชื่อในวงการอย่าง Tiesto (อ่านว่า ทีเอสโต้ ถ้าอ่านเร็วๆก็ เทียสโต้) ดีเจโปรดิวเซอร์ชาวดัตซ์ที่ MixMag Magazine รวบรวมผลโหวตจากแฟนๆ โดยยกให้เป็น “ดีเจที่ดีที่สุดตลอดกาล” ป๋าแกหลงเสน่ห์ของเสียงเพลงตั้งแต่อายุ 12 ปี พออายุย่างเข้า 14 เท่านั้นหละ ความชอบในด้านเสียงเพลงและดีเจของป๋ามันทวีคูณขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เริ่มเล่นเครื่องดีเจและเปิดเพลงในปาร์ตี้ของโรงเรียน (เฟี้ยวเงาะจริง) ฝึกปรือฝีมือจนในช่วงปี 1985 เริ่มไปเป็นดีเจประจำในคลับที่มีชื่อว่า Spock ในเมือง Breda เป็นเวลา 9 ปีเต็มๆ โดยส่วนใหญ่จะเปิดแนว Acid House เรียกได้ว่าเป็นขาใหญ่ประจำแถบนั้น ใครจะไปทวงหนี้ถามหาชื่อ Tiesto มีเหรอจะไม่เจอตัว

ในปี 1997 ป๋าได้เริ่มทำค่ายเพลงที่มีชื่อว่า Black Holes Recordings กับเพื่อนชื่อว่า Army Bink ออก CD Series รวบรวมเพลงแนว Trance เข้าไว้ด้วยกัน มิ๊กโดยป๋าไงจะใครล่ะ ออกมาหลายชุดพอสมควร โดยอัลบั้ม In Search of Sunrise ติดโผในชาร์ท Billboard200 ซักพักปีต่อมามีโอกาสได้ไปทำโปรเจกต์พิเศษกับ Ferry Corsten ที่มีชื่อว่า Gouryella แต่ทำไปได้ระยะนึงป๋าก็แยกตัวออกมา ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ Ferry ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม จากนั้นปี 2001 ทำอัลบั้มแนว Trance โซโล่เดี่ยวออกมาในชื่อว่า In My Memory โด่งดังเป็นพลุแตกจนได้เป็นดีเจอันดับ 1 ของโลกในปี 2002 โดยครองแชมป์นี้ถึง 3 ปีติด (เหตุผลที่แยกตัวออกมาคงอยากจะออกมาทำอัลบั้มของตัวเองด้วยหละมั้ง)

คนจะดังมันฉุดไม่อยู่หลังจากที่ปล่อยอัลบั้ม 2 ที่มีชื่อว่า Just Be ปี 2004 ป๋าได้รับเชิญให้ไปเล่นเปิดงานกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเอเธนส์ ถือได้ว่าเป็นดีเจคนแรกที่ได้เล่นในงานนี้ และยังทำรายการวิทยุ Tiesto’s Club Life ในช่อง Radio538 ทุกคืนวันศุกร์ โดยในปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่หรือเปล่า อาจจะหันไปทำในช่องของ Podcasts เต็มตัวแล้วก็เป็นได้

หลังจากทำอัลบั้มที่ 3 อย่าง Element of Life ที่ยังเป็นแนวเพลง Trance อยู่เหมือนเดิม อัลบั้มที่ 4 ชื่อว่า Kaleidoscope เริ่มมีการนำอิทธิพลดนตรีแบบ Electro House เข้ามาผสมกับ Trance แนวเพลงดั้งเดิมของแก และในที่สุด อัลบั้มที่ 5 A Town Called Paradise เปลี่ยนแนวแบบ 100% เป็น Pop Electro House เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย โดยในปัจจุบันนี้แม้จะยังไม่มีอัลบั้มใหม่ออกมาแต่ป๋าเองก็ไปทำเพลงกับดีเจยุคใหม่ๆอย่าง Martin Garrix, The Chainsmokers, KSHMR, Don Diablo, Jauz และคนอื่นๆ อีกเพียบ อินเทรนด์มากๆ ครับ

ในปัจจุบันนี้แม้จะไม่ได้เปิดเพลงแนว Trance แบบก่อนๆ แล้วก็ตาม แต่ผลงานเก่าๆ เป็นที่เลื่องลือแก่เหล่าแฟนคลับและเป็นแรงขับเคลื่อนให้ใครหลายคนอยากที่จะเดินตามเส้นทางดีเจแบบป๋า Tiesto เราชอบแนวคิดของแกนะ เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เราควรที่จะตามมันไปเพื่อให้ทันเหตุการณ์โลกปัจจุบัน ถ้ามีโอกาสที่ป๋ามาไทยอีกรอบ เราจะไม่พลาดการเล่นสดของเขาอีกแล้วอย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพประกอบจาก FB/Tiësto และเว็บไซต์ Tiestoblog.com
