LOVE - การกลับมาอีกครั้งของ Lana Del Rey
จากการห่างหายไปราว 2 ปี หลังจากอัลบั้ม Honeymoon สาวเสียงชวนฝันอย่าง Lana Del Rey ก็กลับมาอีกครั้งในอัลบั้มใหม่อัลบั้มที่ 5 โดยปล่อยเพลงที่ชื่อว่า Love โดยเป็นการร่วมงานระหว่างเธอกับทีมที่เคยทำเพลงกับเธอในอัลบั้มก่อนๆ อย่าง Born To Die และ Summertime Sadness ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับและความสนใจจากแฟนเพลงเป็นอย่างมาก

อย่างที่เราเคยฟังผลงานของเธอในเพลงก่อนๆ Lana Del Rey มักจะผลิตงานที่มีเนื้อหาที่เต็มไปด้วยความเหงาปนเศร้าและชวนฝัน แต่ในเพลงใหม่ของเธอที่ปล่อยออกมา กลับแตกต่างออกไป เพราะมันเป็นบทเพลงที่เปิดเปลือยแนวคิดของคนหนุ่มสาวยุคใหม่ถึงนิยามความรักที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน ตั้งคำถามต่อความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็พร้อมจะเผชิญกับความยากลำบากในชีวิตคู่ เพราะมีความรักเป็นแรงบันดาลใจและแรงขับเคลื่อนสำคัญให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า ถือว่าเป็นเพลงที่เคี่ยวกรำจากประสบการณ์และส่งต่อให้กับแฟนเพลงได้เป็นอย่างดี โดยเธอเองได้ให้สัมภาษณ์กับทาง NME ว่า..
“I do have early thoughts about what I’d like to do with [the album]. My label, Interscope, is pretty flexible and open to my records coming out at any time, so I don’t have that pressure. I’m just happy to be able to keep on making music I can stand behind. That’s enough for me.”
[ฉันมีความคิดตั้งแต่เริ่มแรกแล้วแหละ ว่าอยากทำอะไรในอัลบั้มนี้ แล้วค่าย Interscope ก็ค่อนข้างจะเปิดกว้างและยืดหยุ่นกับการทำงานและเวลาออกอัลบั้มด้วย ฉันก็เลยไม่รู้สึกกดดัน และแฮปปี้ที่ได้ทำเพลงในแบบที่ฉันพอใจ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว]

สำหรับ Love ได้ปล่อยออกมาในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2017 หลังจากวันวาเลนไทน์ ราวกำลังจะบอกกับเราว่า ไม่ว่าจะวันไหนช่วงเวลาใด ความรู้สึกแห่งรักของคนเราจะยังเกิดขึ้นตลอดไปในทุกวัน
มิวสิควิดีโอ Love เป็นการกลับไปสู่มนต์เสน่ห์แบบเก่าๆ ที่แฟนเพลงคุ้นตา โดยผู้กำกับ Rich Lee ซึ่งเคยสร้างงานให้กับ Maroon5 , Eminem , The Black Eyed Peas , Norah Jones แต่กับ Lana Del Rey นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกัน โดยในมิวสิควีดีโอนั้น นำเสนอด้วยการใช้ภาพแบบหนังยุคเก่า เกรนฟิล์มที่แตก เหมือนพาเราย้อนกลับไปดูหนังในยุค 60's และเล่นกับสัญลักษณ์ของการเดินทางและอวกาศ ช่วยขับเน้นอารมณ์ความรู้สึกของเพลงที่กำลังพูดถึงความรักในหลากหลายมิติ
แน่นอนว่าการกลับมาของ Lana Del Rey ก็ยังใส่ความเป็นตัวเองอย่างที่เต็มที่ ลูกเล่นทางดนตรีที่มีลักษณะคล้ายกับเพลงในยุค 50's - 60's การผสมผสานความเป็น Dream Pop เข้ากับ Rock และยังมีความเป็น Psychedelic rock ที่เจือปนอยู่ ถ่ายทอดด้วยสไตล์การร้องที่เหมือนเรากำลังนั่งฟังเธออ่านบทกวี นอกจากนั้น เธอยังสร้างความแปลกใหม่ด้วยการใช้แนวเพลง Folk เพื่อขับเน้นบรรยากาศที่เรียบง่าย
Love ของ Lana Del Rey จึงเป็นการกลับมาที่สมการรอคอยของสาวเสียงชวนฝันคนนี้ บรรยากาศเก่าๆ ที่แฟนเพลงคุ้นชิน สไตล์เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากในยุคนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด Lana Del Rey ทำให้เพลงของเธอไปไกลกว่าที่เคยทำมา นั่นก็คือ การทำเพลงที่เปรียบเสมือนปรัชญาการใช้ชีวิตร่วมสมัยและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนฟังได้ราวต้องมนต์สะกด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก NME และ ภาพจาก FB/Lana Del Rey
