ติดตาม...พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ 30 ปีแห่งตำนาน Part. 2
ฮิโรชิมา
หนึ่งในเพลงของวงเพื่อชีวิตระดับตำนานอย่าง ‘คาราวาน’ ที่พี่ปูยกให้เป็นเพลงที่เค้าจดจำมากที่สุดในวัยรุ่น โดยเนื้อหาจะพูดถึงปรมาณูและสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จุดที่มัดใจพี่ปูมากที่สุดคือท่อนโซโล่กีต้าร์ของเพลงนี้ ซึ่งบรรเลงโดยคุณ ‘ชัคกี้ ธัญญรัตน์’

หลังเรียนจบ ปวช. พี่ปูมุ่งเข้ากรุงเทพเพื่อตามหาฝัน แน่นอนไม่ใช่การเรียน แม้จะซื้อใบสมัครของโรงเรียนช่างกลปทุมวันไว้ แต่พี่ปูก็ไม่ได้ไปสอบ แต่กลับผันตัวไปเป็นเด็กยกของให้กับวง ‘คาราวาน’ โดยอาศัยความคุ้นเคยที่รู้จักกันสมัยเล่นเป็นวงเปิด และระหว่างนี้พี่ปูได้เรียนรู้และซึมซับเรื่องดนตรีเพื่อชีวิตเต็มที่ พร้อมกับมีโอกาสได้ขึ้นเวทีไปร้องเปิดให้กับวงบ้างเวลาที่แขกยังไม่เยอะ
วันหนึ่งคุณเอ็ดดี้ สุเทพ ปานอำพัน ที่มาเล่นเบสให้กับคาราวาน เห็นว่าพี่ปูแต่งเพลงเองไว้จำนวนหนึ่ง จึงชวนไปทำความรู้จักกับคุณปรีชา ชนะภัย หรือ ‘พี่เล็ก คาราบาว’ หลังเจอกันได้รู้จักมักคุ้น พี่เล็กจึงชวนให้พี่ปูไปอยู่ด้วยกัน แน่นอนศิลปินที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้นชักชวนมีหรือจะไม่ไป คล้ายกับชีวิตถูกหวย วันไหนมีงานก็ไปกับวงคาราวาน วันไหนอยู่บ้านก็ได้ทำเพลงกับพี่เล็กคาราบาว หลังสองเท้าเริ่มก้าวจนมั่นคง พี่เล็กจึงตกลงให้ปูทำเพลงโดยใช้ห้องอัดของคาราบาวและตัวพี่เล็กเองก็จะเป็นโปรดิวเซอร์ให้ จนกลายเกิดเป็นอัลบั้มแรกของพี่ปู ในชื่อชุด ‘ถึงเพื่อน’ ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2530 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก
ถึงเพื่อน
เพลงจากอัลบั้มแรก ในแง่ของความรู้สึกพี่ปูยอมรับว่าทุกอย่างในเพลงมันประทับใจตัวของเค้าเอง เพราะมันคงไม่มีอะไรรู้สึกดีเท่าครั้งแรก แม้ในแง่ของการค้าขายอาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม

แต่พี่ปูไม่รู้สึกท้อแท้หรือคิดว่าตัวเองออกเทปเร็วเกินไป แต่กลับรู้สึกประทับใจและโชคดีที่มีพี่ๆ หลายคนมาช่วยเหลือจนทำให้ฝันเค้าเริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่าง และเริ่มสร้างเพลงเตรียมทำชุดต่อไปทันที แต่ระหว่างนี้ดันมีปากเสียงกับพี่เล็กคาราบาว จึงได้แยกตัวออกมาอยู่คนเดียวและเล่นกลางคืนอยู่ที่ร้าน ‘ปิกัสโซ่’ ผับเพื่อชีวิตแถวรามคำแหง และได้เจอกับผู้คนมากหน้าหลายตาหลากอาชีพ จึงได้ฟังและเรียนรู้เก็บไว้เป็นวัตถุดิบทำเพลงในชุดที่ 2
จากนั้นได้ขยับขยายมาเล่นในร้านที่ใหญ่ขึ้นอย่าง ‘บลูมูน’ ซึ่งร้านนี้เป็นร้านไฮโซศูนย์รวมทั้งศิลปินดังและดาราดังมานั่งพักผ่อนกัน วันหนึ่งพี่หงา คาราวาน (ในตอนนั้นคาราวานได้แยกวงแล้วและพี่หงาก็อยู่คนเดียว) ได้บังเอิญมาเห็นพี่ปูเล่นอยู่ที่ร้านนี้ จึงเรียกพี่ปูเข้ามาคุยกันหลังเล่นเสร็จก่อนจะชักชวนให้ลาออกจากร้านเพื่อตระเวนทัวร์ผับทั่วประเทศกัน โดยอาศัยคอนเนคชั่นสมัยยังหนุ่มและรถตู้คันเก่าในการหาร้านเข้าไปเล่น
ระหว่างเล่นที่ร้าน ‘บลูมูน’ พี่เล็กได้ออกชุดที่ 2 ไปแล้วในชื่อ ‘เสือตัวที่ 11’ แต่ก็ยังเงียบอยู่ จนวันหนึ่งหลังทัวร์ในผับกับพี่หงา พี่เล็กเริ่มสังเกตเห็นคนเริ่มมาตามดูเค้ามากขึ้น พร้อมกับมีโทรศัพท์จากค่าย ‘รถไฟดนตรี’ ที่ออกเทปให้พี่ปูในตอนนั้นบอกให้พี่ปูเข้ามารับส่วนแบ่งค่าเทปที่สูงถึงหลักแสนบาทในยุคนั้น โดยทั้งหมดเป็นสิ่งยืนยันว่าชื่อของ ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์’ ได้เข้าไปอยู่ในใจของคอเพลงเพื่อชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตลอดเวลา
เพลงความยาวแค่ 2 นาทีกว่าแต่ประทับใจคนทั่วหล้ามากว่า 20 ปี หนึ่งในเพลงรักเพื่อชีวิตที่โด่งดังที่สุดของพี่ปู ส่วนเนื้อหาจะหอมหวลนวลหูแค่ไหนอยากให้ทุกลองไปพิสูจน์กันด้วยตัวเองได้เลยครับ

ย้อนไปในเหตุการณ์มีปากเสียงกันระหว่างพี่เล็ก คาราบาว ในชุดที่ 2 นี้เองที่พี่ปูได้ชักชวนพี่เล็กให้มาร่วมร้องและโซโล่ กีต้าร์ในชุดนี้ถึง 2 เพลงด้วยกัน เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษเพราะด้วยความวัยรุ่นในตอนนั้นอาจจะมีความคะนองมากเกินไป แต่ปัจจุบันทั้งคู่ถือว่ารักกันดีและมีผลงานร่วมกันมากมาย
ในด้านผลงานเพลง จากปี 2530 จนปัจจุบัน 2559 เกือบ 30 ปีที่โลดแล่นในวงการพี่ปูฝากผลงานไว้กว่า 18 อัลบั้ม และยังไม่รวมผลงานพิเศษต่างๆอีกมากมาย อีกทั้งเนื้อร้องและดนตรีพี่ปูจะเป็นคนสร้างสรรค์เองเกือบทั้งหมด มีน้อยมากที่อาจให้คนอื่นมาช่วย
มือปืน
หนึ่งในเพลงโคตรฮิตของพี่ปู ด้านเนื้อหาต้องบอกเลยว่าสุดเดือด! ยิงดับข้ามศพกันเป็นว่าเล่น ด้านดนตรีเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้วันที่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาอาจจะไม่ดัง แต่พอวันเวลามันผ่านไป ไม่ว่าพี่ปูจะไปที่ไหนก็ต้องใส่เพลงนี้ในการเล่นสดไว้เสมอๆ
พี่ปูไม่ได้ผ่านการเรียนดนตรีที่สถาบันไหน แต่เกิดจากประสบการณ์ของตัวเองล้วนๆ จากการอ่าน การฟัง และการดูผู้อื่นเล่น จนกลายเกิดมาเป็นดนตรีเพื่อชีวิตในสไตล์ตัวเอง โดยเฉพาะเพลงรักเพื่อชีวิตที่กินใจใครหลายคน พี่ปูเคยนิยามตัวเองไว้ว่า
“หากพี่ๆรุ่นใหญ่เป็นเพื่อชีวิตเดือนพฤษาหรือตุลา ผมคงเป็นเพื่อชีวิตเดือนกุมภา”

เสมอ
เพลงที่ยืนยันถึงความชัดเจนในแนวทางเพลงรักเพื่อชีวิตของพี่ปู และสิ่งที่ยืนยันความโด่งดังของเพลงนี้คือการที่มีศิลปินเลือกเพลงนี้มาคัฟเวอร์ในการแสดงสดมากมาย อีกทั้งพี่ปูยังยืนยันด้วยว่าเพลงนี้เสมือนสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของพี่ปูได้มากที่สุด
สุดท้าย...เคล็ดลับการยืนอยู่ในวงการอย่างยาวนานสำหรับพี่ปูคือ การอยู่ให้ถูกที่ เอาตัวเองไปอยู่ให้ถูกจุด ในวันที่ยุคสมัยนี้มีวงดนตรีและศิลปินหน้าใหม่อยู่ตลอด พร้อมกับการเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในวงการเพลง ดังเช่นการที่พี่ปูไปร่วมร้องเพลงกับศิลปินขวัญใจวัยรุ่นเช่น ‘แสตมป์ อภิวัชร์ ในเพลง วิญญาณ’ กับศิลปินร็อกสุดเดือดอย่าง ‘อีโบล่า ในเพลง ฝ่า’

กว่า 30 ปีที่โลดแล่นขับกล่อมผู้คนมาอย่างยาวนาน ได้ร่วมงานและอยู่คู่กับศิลปินระดับตำนานมามากมาย ด้วยความสุภาพไม่ถือตัว เรามั่นใจว่าพี่ปูจะอยู่คู่วงการเพลงไทยเพื่อชีวิตไปอีกนาน พร้อมกับจะสร้างเพลงดีๆ ที่แตะใจพวกเราต่อไปได้อีกอย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ค Pu Pongsit Official
