“สัญญาปีศาจ” ประวัติศาสตร์ในโลกดนตรี

“สัญญาปีศาจ” ประวัติศาสตร์ในโลกดนตรี

บางท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของนักดนตรีที่ขายวิญญาณให้กับซาตาน แลกกับความเป็นเลิศทางดนตรี หากกำลังสนใจเรื่องนี้ เชิญล้อมวงเข้ามาเลยครับ เรามีประวัติศาสตร์การขายวิญญาณให้ซาตานของนักดนตรีมาเล่าให้ฟัง

default column 1205x682 img

การทำสัญญากับปีศาจเป็นเรื่องเล่าที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ตะวันตกมานานแสนนาน แต่มนุษย์คนแรกในที่ทำให้เรื่องราวของปีศาจ และ ดนตรี มาบรรจบกัน คือ ชายผู้มีนามว่า Giuseppe Tartini

ในปี 1713 ปีศาจปรากฏกายขึ้นในฝันของตาร์ตินี่ ในฝันตาร์ตินี่ได้ยื่นไวโอลินให้แก่ปีศาจ ทันใดนั้นมันเริ่มบรรเลง Sonata ที่ไพเราะจับใจที่สุดเท่าที่ตาร์ตินี่เคยได้ยินมาในชีวิต เมื่อตื่นขึ้นมาตาร์ตินี่ไม่รอช้ารีบกระโจนออกจากเตียงไปยังโต๊ะหนังสือแล้วลงมือเขียนเพลงที่ได้ยินในความฝันนั้น เกิดเป็น “Violin Sonata in G” หรือในอีกชื่อคือ “Devil’s Trill Sonata”

หลังจากซิงเกิ้ลนี้ถูกปล่อยออกมาก็ได้รับความนิยมถล่มทลาย ตาร์ตินี่ได้เขียนถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานชิ้นนี้ไว้ว่า

“เพลงที่บรรเลงในฝันนั้นตราตรึงใจผมอย่างมาก ขอแค่ผมได้ฟังเพลงนั้นอีกสักครั้ง ผมยอมพังไวโอลินทุกตัวของผมและทิ้งดนตรีไปตลอดกาลก็ย่อมได้”

default column 1205x682 img

ดูเหมือนว่า “ปีศาจ”จะชอบไวโอลินมากเป็นพิเศษเพราะในศตวรรษต่อมาก็ได้มีนักไวโอลินอัจฉริยะอีกคนผู้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าได้ขายวิญญาณให้กับซาตาน คนๆนั้น คือ Niccolo Paganini

พาร์กานินี่เป็นบุคคลที่ถูกยกย่องว่าเป็นนักไวโอลินที่อัจฉริยะที่สุดที่เคยมีชีวิตอยู่ เขาเริ่มเล่นแมนโดลินตอน 5 ขวบ เริ่มเขียนเพลงได้ตอน 7 ขวบ เล่นคอนเสิร์ตได้ตอนอายุ 12 และด้วยความเทพที่เกินหน้าเกินตาชาวบ้านชาวช่องของพี่แก ทำให้ผู้คนเริ่มสงสัยว่าฝีมือของพาร์กานินี่ไม่น่าจะมาจากการฝึกเยี่ยงคนธรรมดาทั่วไป หากแต่มาจากการทำสัญญากับสิ่งลี้ลับ

มีรายงานว่าผู้ชมในคอนเสิร์ตของพาร์กานินี่จะต้องทำสัญลักษณ์มือรูปไม้กางเขน เพื่อปกป้องตัวเองจากพลังของปีศาจ บางเรื่องเล่าบอกว่าพาร์กานินี่สามารถเล่นไวโอลินที่สายขาดไปแล้วต่อได้โดยไม่เล่นโน้ตพลาดสักตัว และครั้งนึงในคอนเสิร์ตที่เวียนนา มีผู้ชมหนีออกจากคอนเสิร์ตโดยบอกว่าเห็นปีศาจกำลังกัดกินพาร์กานินี่ระหว่างเขากำลังเล่นไวโอลินอยู่บนเวที

default column 1205x682 img

เวลาผ่านไปนานไม่ถึงศตวรรษก็ได้เกิดเรื่องราวทำนองนี้ขึ้นอีกกับนักดนตรีผิวดำ 2 คนที่อาศัยในแถบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี คนแรก คือ Tommy Johnson

Liddell น้องชายของ Tommy Johnson เป็นคนเริ่มเล่าเรื่องราวการทำสัญญากับปีศาจของทอมมี่เรื่องมีอยู่ว่า..

คืนหนึ่งทอมมี่เดินไปที่สี่แยกในเวลาเกือบเที่ยงคืน แล้วเริ่มเล่นกีต้าร์จนกระทั่งชายผิวดำตัวใหญ่คนหนึ่งเดินมาหาเขา จับกีต้าร์ของเขาขึ้นมาจูน หลังจากคืนนั้น ทอมมี่สามารถเล่นกีต้าร์ได้อย่างไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้

default column 1205x682 img

คนที่สอง คือ Robert Johnson นักดนตรีบลูส์ผิวดำอีกคนที่โดนตั้งข้อสงสัยว่าทำสัญญากับปีศาจ ย้อนไปเมื่อตอนปลายของปี 1920s จอห์นสันยังเป็นวัยรุ่น เขาพึ่งเริ่มเล่นกีต้าร์ แล้วพบว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีเลย

ต่อมาจอห์นสันได้ออกจาก Robinson vale บ้านเกิดของเขา แต่เมื่อเขากลับมา เขาไม่ได้กลับมาตัวเปล่า หากแต่กลับมาพร้อมสกิลกีต้าร์แพรวพราวราวกับไม่ใช่คนเดียวกันกับขาไป “keith Richards” มือกีต้าร์ในตำนานเคยกล่าวไว้เมื่อฟัง Robert Johnson เล่นครั้งแรกว่า “ผมนึกว่ามีมือกีต้าร์ 2 คน”

นอกจากสกิลกีต้าร์ที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริศนาของจอห์นสัน เพลงของเขาเองก็มีเนื้อหาที่ฟังแล้วก็น่าเอะใจว่าเขาเคยทำสัญญากับปีศาจจริงๆ รึเปล่า ยกตัวอย่างเช่นเพลงต่อไปนี้

เนื้อเพลงจาก Me and the Devil Blues

“Early this mornin' whoooo

When you knocked upon my door

And I said 'hello Satan'

I believe it's time to go”

“เมื่อเช้าวันนี้

เมื่อคุณเคาะประตูบ้านฉัน

และฉันบอก “ไง ซาตาน”

ฉันเชื่อว่าได้เวลาต้องไปแล้วล่ะ”

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1938 จอห์นสันโดนวางยาพิษจนเสียชีวิตปิดตำนานมือกีต้าร์บลูส์ผู้ยิ่งใหญ่ในวัย 27 ปี

หลังจากจอ์นสันแล้ว ปัจจุบันเราก็ยังไม่ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีนักดนตรีคนไหนที่ทำสัญญากับซาตานอีกรึเปล่า ผมว่าอาจจะมีก็ได้ แต่อาจกลืนไปกับจำนวนมือกีต้าร์ที่มากมายมหาศาลของยุคปัจจุบัน ไหนจะมือกีต้าร์ที่เก่งโดยไม่พึ่งปีศาจโดยการฝีกกีต้าร์กับคลิปออนไลน์อีก น่าจะแยกยากว่าใครขายวิญญาณหรือไม่ขายเพราะคนเทพๆ มีเต็มไปหมด ดังนั้น สำหรับใครที่หัดเล่นดนตรีอยู่ ถ้าไม่เก่งยังไงลองฝึกซ้อมดูก่อนนะครับ อย่าเพิ่งเอาวิญญาณไปแลก เป็นกำลังใจให้ครับ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Polyphonic และ Wikipedia

default column 1205x682 img