สัมภาษณ์พิเศษ Mola Mola Sunshine
พบกับสัมภาษณ์สุดพิเศษจากชายผู้อยู่เบื้องหลัง Mola Mola Sunshine เจ้าของเพลงเพราะหลายเพลง และเราจะไปทำความรู้จักเขาแบบเจาะลึกเพลงต่อเพลงจะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย!

อยากให้ Mola Mola Sunshine แนะนำตัวหน่อยครับ
ด่อง: ด่อง อัษฎา อาทรไผท ครับ ใช้ชื่อในการทำเพลงคือ Mola Mola Sunshine ครับ
แล้วทำไมถึงเป็นชื่อ Mola Mola Sunshine ล่ะครับ
ด่อง: ชื่อนี้ใช้มาตั้งแต่ตอนทำโมลาโมล่าแต่ก่อนแล้วครับ ตั้งแต่ประมาณ 10 ปีที่แล้ว ก็เลยคิดว่าอยากหาชื่อที่มันไม่เกี่ยวกัน 2 อย่างมารวมกัน เหมือนสมัยนั้นฮิตแบบนี้อ่ะครับ ก็เลยเอา โมลาโมล่าแล้วกัน เพราะผมชอบปลาตัวนี้ครับ มันจะตัวใหญ่ๆ แต่ก่อนผมอ้วนกว่านี้เยอะด้วยครับ (หัวเราะ) ดูตัวเองเหมือนปลาโมลาโมล่านี้ครับ ส่วน ซันชายน์ คือ แสงพระอาทิตย์ โมลาโมล่า ซันชายน์ ในความเข้าใจของผมก็คือ ปลาโมลาโมล่ามันอยู่ใต้น้ำ ซันชายน์มันอยู่ข้างบน เหมือนปลามันจะโผล่จากน้ำมาเจอพระอาทิตย์ เหมือนเราที่จะโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำนะ แต่ยังไม่โผล่เลยครับ (หัวเราะ)

Mola Mola ไม่ได้มีแค่ Sunshine อย่างเดียว ยังมี Mola Mola Sakai ด้วย มันคืออะไรครับ
ด่อง: โมลาโมล่า ซาไก คือเป็นโปรเจคทำขึ้นมาเล่นๆครับ แนวเพลงจะออกไปทาง ร็อค 80’ ครับ ก็เลยเปลี่ยนชื่อครับ กลัวว่าคนที่ตาม โมลาโมลาอยู่จะตกใจครับ เพราะซันชายน์มันจะเป็นเพลงเพราะๆ สวยๆ ส่วนซาไก เพลงก็จะดิบหน่อยครับ
จริงๆ มีมากกว่า 1 เพลงด้วยครับ มีคนมาให้ผมทำเพลงทีมฟุตบอล ฟังแล้วต้องฮึกเหิมแน่นอน ก็เลยทำแนวนี้ ทำไปเกิดชอบขึ้นมาก็เลยทำอีกเพลงหนึ่ง
บอกได้ไหมครับว่าเป็นสโมสรอะไร
ด่อง: อุตรดิตถ์เอฟซีครับ เป็น Division เล็กๆครับ
ผลงานเพลงฟุตบอล ได้มีโอกาสไปฟังในสเตเดียมหรือเปล่าครับ
ด่อง: ยังเลยครับ แต่ได้ข่าวว่าเขาก็ชอบกันอยู่ครับ ฮึกเหิมกันอยู่ครับ (ยิ้ม)
อยากให้เล่าถึง 3 ซิงเกิลที่มีอยู่ใน JOOX ในฐานะ Mola Mola Sunshine บ้างครับ
ด่อง: เริ่มที่เพลงแรก ฉันน่าจะบอกรักไป...ในวันที่เธอบอกรักมา เพลงนี้คือตั้งใจให้ชื่อเพลงยาวจำยากๆครับ คนจะได้จำง่ายๆครับ(หัวเราะ) อันนี้เป็นตั้งแต่สมัยผมทำเพลงกับ โตน โซฟาเลยครับ ผมเป็นเพื่อนกับโตนครับ โตนก็ช่วยโปรดิวซ์ให้ครับ ก็ทำมา 10 เพลงเลย แล้วก็ส่งตามคลื่นต่างๆ หลายคลื่นเลยครับ เพลงนี้ก็คือเพลงหนึ่งในนั้น และเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงนั้นด้วยครับ ทำเพราะชอบจริงๆครับ ทำเพราะใจรัก ทำให้ดีที่สุดมาฟังเองก็มีความสุขแล้ว
ที่มาของเพลงคือ ตอนนั้นผมมีหนังสือพ็อกเกตบุ๊คครับ ชื่อ เล่นทหาร ก็มีเหมือนน้องเป็นแฟนคลับที่อ่านหนังสือเรา แล้วติดต่อมาครับ พอดีเห็นเรามีโปรเจคเพลงกันอยู่ เขาเลยเล่าเรื่องชีวิตของน้องให้ฟัง เพลงนี้ก็คือเรื่องของน้องเขาเลยครับ (ยิ้ม)

เพลงนี้ นอกจากนักร้องนำวง HERS มาร้อง ได้ยินมาว่าเคยมีเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ใช่ไหมครับ
ด่อง: ครับ ตอนนั้นผมไปงานแฟตครับ แล้วได้ยินน้องปุ้มร้องเพลงอยู่บนเวที ตอนนั้นน้องเขาอายุ19 เองมั้งครับ เรียนอยู่ศิลปากร เห็นว่าเสียงดีครับ ก็เลยชวนน้องปุ้มมาร้อง น่าจะประมาณ 10 ปีมาแล้วครับ (หัวเราะ) ในเวอร์ชั่นนี้มันโอเคจนถึงขั้นค่ายเรียกไป เพราะเขาได้ยินเพลงแล้วชอบครับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำครับ (ยิ้ม) หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ทำดนตรีเลยครับ หยุดทำเลย เลยไปทำอูคูเลเล่ครับ ผมเป็นคนเริ่มเลยในเมืองไทย จนมาปีที่แล้วก็ได้กลับมาทำเพลงครับ
พูดถึง Ukulele Festival ล่ะครับ
ด่อง: ครับ อันนี้ผมก็จัด สิงโต นำโชคนี่ก็คือมาด้วยกันเลยนี่ล่ะครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นผมจัดประกวดอูคูเลเล่แห่งประเทศไทย สมัยนั้นผมขายอูคูเลเล่อยู่ที่บ้านครับ สิงโตก็นั่งรถมาประกวดที่บ้านเลย ด้วยความที่ตอนนั้นเขาอยากได้อูคูเลเล่ครับ แต่ไม่อยากซื้อก็เลยมาประกวด พอชนะปุ๊บ ก็ออกมาเป็นอัลบั้มแรกของเขาเลยครับ
ทำไมถึงเลือกวง HERS มาร้องเพลง ฉันน่าจะบอกรักไป...ในวันที่เธอบอกรักมา ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ครับ
ด่อง: คือสมัยก่อนที่ทำชุดหนึ่ง คือผมไม่มีกำลังทรัพย์น่ะครับ ไม่มีคอนเนคชั่นกับนักดนตรีที่เราคิดว่าอยากให้มาทำงานด้วย และพอมาทำอูคูเลเล่ก็เลยได้รู้จักคนมากขึ้น มีคอนเนคชั่นมากขึ้น เลยทำให้คิดว่าสิ่งที่เราเคยทำแต่ยังทำไปได้ไม่สุด เลยอยากกลับมาทำโดยที่ไม่ใช่เพลงใหม่ครับ เอาเพลงเก่าที่เราคิดว่าไม่สมบูรณ์มาอัพเกรดครับ ก็เลยลองให้น้องเขามานำเสนอเพลงนี้ ทำเพลงนี้ขึ้นมาครับ
วง HERS ทำให้มิติของเพลงนี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนครับ
ด่อง: ของเดิมก็ดีอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าถ้าในสมัยใหม่นี้ ผมว่า HERS น่าจะได้ความใหม่กว่า เพราะเขาเป็นศิลปินรุ่นใหม่จริงๆ มีการประสานเสียงกันด้วยครับ ในพาร์ทดนตรี ในการเรียบเรียง ผมได้ปรึกษากับพี่ปิงปอง Soul After Six พี่ปิงปองได้ให้คำปรึกษามาเยอะมาก ส่วนตัวผมก็ชอบ Soul After Six อยู่แล้วด้วยครับ เลยได้พี่ปิงปองในช่วยเป็น Arranger ให้ครับ

พูดถึงซิงเกิลต่อมาบ้างครับ “วับวาว” ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรบ้างครับ
ด่อง: เพลงนี้ทำมานานมากแล้วครับ นานกว่าเพลงที่แล้วอีก ทำตั้งแต่ผมอายุ 18 เลยครับ ที่มาเพลงนี้คือ ตอนนั้นผมมีแฟนครับ ก็เป็นภรรยาคนปัจจุบันนี้เลยครับ (หัวเราะ) ตาของเขาสวยดีครับ แล้วผมอยู่เมืองไทย แฟนผมเขาอยู่ต่างประเทศ วันนั้นผมมองขึ้นไปบนฟ้าเห็นดาวระยิบระยับ ผมก็คิดถึงเขา คิดถึงแววตาของเขาครับ ก็เลยแต่งเพลงนี้ส่งไปให้ครับ (ยิ้ม)
ต่อมา เพลงล่าสุดครับ เพลง “คำว่าเคยน่ะกอดได้ไหม?” ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรบ้างครับ
ด่อง: เริ่มที่นักร้องนำ นักร้องนำคนนี้เป็นเจ้าของผับชื่อ เอสคาเป้ ครับ ตอนนั้นผมได้มือกลอง ปิง โมโนโทนครับ เขาก็บอกว่าเพื่อนเขาชอบร้องเพลง ก็เลยได้คนนี้มาร้องเพลงนี้ให้ครับ เสียงเขาก็จะออกเป็นเสียงแหบๆ ซาวน์เก่าๆหน่อยครับ เพลงนี้ผมตั้งใจทำให้เป็น 80’s หน่อยครับ เพราะเพลงก่อนๆ จะเป็น 70’s ครับ ก็เลยชวนเขามาร้องครับ
อยากให้พี่ด่องพูดถึงวงการเพลงไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในความคิดของพี่ด่องเป็นอย่างไรบ้างครับ
ด่อง: เริ่มที่ศิลปิน ค่อนข้างเก่งมากเลยครับ สมัยก่อนไม่ใช่ว่าไม่เก่งนะ แต่ว่าการแข่งขันไม่โหดเท่าสมัยนี้ สมัยนี้ต้องโดดเด่นจริงๆ พิเศษจริงๆ ถึงจะได้ทำครับ และเด็กสมัยนี้ก็มีสื่อที่เข้าถึงง่าย อยากดูอะไรก็สามารถเสิร์ชดูได้ ตอนผมหัดเล่นตอนนั้นก็ต้องเดินทางไปให้คนสอนอะไรแบบนี้ครับ
คนฟัง ตอนนี้ก็ดีเลยครับ มีช่องทางให้เลือกฟังเยอะ แต่ก่อนคือต้องซื้อซีดีเอาครับ ตอนนี้คือสามารถเข้าถึงเพลงดีๆได้ง่ายมากเลยครับ ส่วนมากผมก็ฟังแต่ JOOX นะครับ เพราะมีแยกเพลยลิสให้ผมเลย ผมก็ยังติดตามอยู่ตลอดครับ

เมื่อไหร่ที่ชาว JOOX จะได้ฟังเพลงใหม่จาก Mola Mola Sunshine ครับ
ด่อง: ก็ค่อยๆทำไปครับ (หัวเราะ) จริงๆก็มีเพลงที่จะทำอยู่ แนวเพลงก็จะประมาณเดิมครับ
ฝากถึงแฟนเพลง Mola Mola Sunshine
ด่อง: อยากให้รอฟังเพลงของ Mola Mola Sunshine ด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวจะได้ฟังเป็น Exclusive ที่ JOOX แล้วครับ (ยิ้ม)
เป็นอย่างไรบ้างคะ กำการสัมภาษณ์พิเศษของพี่ด่อง หรือ Mola Mola Sunshine แต่ละเพลงมีความหมายและน่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเราอย่างรอช้าค่ะ ไปฟังเพลงทั้งหมดของเขากันได้เลย
และอย่าลืมติดตามการสัมภาษณ์สุดพิเศษ พูดคุยกับศิลปินดัง จาก JOOX มิวสิคแอปพลิเคชันกันนะคะ !!
Related Content
สัมภาษณ์โดย วิสิทธิ์ ถิระโสภณ เรียบเรียงโดย Elle