4:44 อัลบั้มแห่งการขอโทษของ Jay–Z

4:44 อัลบั้มแห่งการขอโทษของ Jay–Z

ถ้าจะพูดถึงคู่รักนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะได้รับการพูดถึงจากสื่อมวลชนและบรรดาแฟนเพลงทั่วโลก ชื่อของแรพเปอร์รุ่นใหญ่อย่าง Jay–Z และภรรยาสาวสุดฮอต Beyonce คือคู่รักนักร้องที่หลายล้านคนนึกถึง

มาในปีนี้ทาง Jay – Z ได้ปล่อยอัลบั้มใหม่ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ทำให้สื่อมวลชนต้องจับตาอีกครั้ง เพราะมันมีหลายเพลงที่พูดถึงเรื่องราวส่วนตัวของครอบครัวและทำให้มันเป็นอัลบั้มที่เปรียบเสมือนคำขอโทษจากแรพเปอร์ลูกผู้ชายตัวจริงที่เข้มข้นจนหลายคนต่างต้องยอมรับ

default column 1205x682 img

ถ้าจะพูดถึงเพลงที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงเวลาที่อัลบั้ม 4:44 ถูกปล่อยออกมา เพลงที่ชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้มอย่าง 4:44 คือเพลงที่ให้คำตอบนั้น เพราะในเพลงนี้ เราจะได้เห็นเนื้อแรพที่ตรงไปตรงมาถึงความต้องการที่จะขอโทษแก่ภรรยาสาว Beyonce

ถ้าใครเป็นแฟนเพลงของคู่รักคู่นี้ต่างต้องจดจำกันได้ถึงข่าวดังที่น้องสาวของ Beyonce ทะเลาะและลงไม้ลงมือกับพี่เขยอย่าง Jay–Z ในลิฟต์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นสื่อหลายสำนักต่างคาดเดาถึงเรื่องราวของการนอกใจภรรยาของแรพเปอร์หนุ่ม และข้อสันนิษฐานนั้นก็กลายเป็นข่าวจริงเมื่อ Beyonce ซึ่งปล่อยอัลบั้มเมื่อปีที่แล้วได้พูดถึงประเด็นนี้ จนบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงปลายทางเมื่อ Jay – Z ขอโทษภรรยาตัวเองและครอบครัวถึงสิ่งที่ไม่ดีที่ตัวเองทำผ่านเพลง 4:44

default column 1205x682 img

นอกจากประเด็นหลักที่กลายเป็นหัวข้อสำคัญในอัลบั้มอย่างเรื่องคำขอโทษของหนุ่ม Jay–Z ที่มอบให้แก่ครอบครัว อีกหนึ่งประเด็นหลักที่นักวิจารณ์ต่างพูดถึงก็คือการที่ Jay–Z สามารถนำสไตล์เพลงใหม่ๆ มาใช้ในอัลบั้มของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ

Caught Their Eyes ได้สร้างบรรยากาศของเพลงประจำซัมเมอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ดนตรีในสไตล์ Reggae ชวนให้ผู้ฟังโยกหัวตามได้อย่างดี และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับใจ คือ การมาร่วมร้องของหนุ่ม Frank Ocean ก็ได้ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงมีมิติมากยิ่งขึ้น

นอกจากคำขอโทษและพัฒนาการทางด้านดนตรีที่ดูจะตกตะกอนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อีกหนึ่งสิ่งที่เราจะได้ฟังในอัลบั้มนี้ คือคำก่นด่าที่ Jay–Z มีให้กับตัวของเขาเอง ในเพลง Kill Jay Z เป็นเพลงที่มีสไตล์ดนตรีที่หนักแน่นและแข็งแรงแบบที่ Jay–Z เคยทำมา แต่ในความแข็งแกร่งของงานภาคดนตรี มันถูกทำให้เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากยิ่งขึ้นเพราะในเนื้อร้องของเพลงนี้ กำลังพูดถึงเรื่องราวความผิดในอดีตที่เขาได้กระทำต่อคนรอบข้าง และในเนื้อร้องหลายท่อนมันยังเล่นนัยยะถึงความผิดที่ไม่น่าให้อภัยของตัวเขาเอง ซึ่งมันได้ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่ทั้งหนักแน่นมากที่สุดในการนำเรื่องส่วนตัวมาบอกให้คนฟังเพลงได้สัมผัส

default column 1205x682 img

จากคำก่นด่าตัวเอง มาสู่คำขอโทษที่มีให้แก่ครอบครัว เรื่องราวต่างๆ เหล่านั้นเหมือนจะถูกทำให้กลายเป็นประเด็นโดยสื่อมวลชน แต่แล้วหนุ่ม Jay–Z ก็สามารถคลี่คลายและจบบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดผ่านบทเพลงที่ชื่อว่า Family Feud ที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดนำไปสู่บทสรุป Happy Ending ก็เพราะในบทเพลงนี้ หนุ่ม Jay–Z ได้ภรรยาสาวอย่าง Beyonce มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวในเพลง และยิ่งเนื้อหาในเพลงเป็นเพลงที่พูดถึงความเป็นสถาบันครอบครัว มันยิ่งทำให้เพลงนี้เป็นเสมือนตัวแทนบทสรุปของดราม่าที่ค้างคาใจสื่อมวลชนและแฟนเพลงมานานหลายปี และได้กลายเป็นเพลงที่คลี่คลายเรื่องราวทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์

default column 1205x682 img

ใครจะไปคิดว่าแรพเปอร์ที่มีทั้งเงินมากมาย เป็นเจ้าของค่ายเพลงชื่อดัง มีภรรยาและครอบครัวที่หลายคนอิจฉา จะมีข่าวฉาวจนกลายเป็นที่ถูกจับตามองจากสายตานับล้านทั่วโลก แต่ความต้องการจะก้าวไปข้างหน้าและเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น แรพเปอร์ที่มีภาพลักษณ์ที่แสนจะมั่นใจในตัวเองก็ได้เลือกที่จะกล่าวคำขอโทษ ก่นด่าตัวเอง และตีแผ่เรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง เสมือนกำลังจะบอกแฟนเพลงทั้งหลายว่า ไม่มีใครจะรู้เรื่องของเขาได้ดีเท่าเขาอีกแล้ว และพวกคุณทั้งหลายก็จงฟังคำบอกเล่าของเขาแต่เพียงผู้เดียว ในแง่ของความสดใหม่ในด้านดนตรีอาจจะไม่ใช่เรื่องหลักที่เขาต้องการ เพราะประเด็นหลักสำหรับเขาคือความต้องการที่จะขอโทษคนใกล้ตัวและเริ่มต้นใหม่ไปข้างหน้า ซึ่งมันได้ทำให้เขากลายเป็นแรพเปอร์ที่เท่และเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก FB/JAY-Z

default column 1205x682 img